0
0
เมื่อวันที 26 มิ.ย. 2566 กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK มีการตกแต่งบัญชีจนเกิดความเสียหายเกือบหมื่นล้านบาท และทางผู้เสียหายจำนวนมากได้มีการฟ้องร้องทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ล่าสุดหน่วยงานด้านตลาดทุน 11 แห่ง ได้รวมตัวกันแถลงข่าว เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นคำพูดจาก สล็อต777 เว็บตรง
โดยนายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า กรณีนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน ซึ่งบริษัทแห่งนี้ไม่ส่งงบการเงินจนเกิดการขึ้นเครื่องหมายแจ้งเตือน
และจากการตกแต่งงบการเงินทำให้มีรายได้จาก 2 พันล้านบาท กลายเป็น 1.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงยังมีความผิดปกติอีกหลายรายการ
ทั้งนี้การดำเนินการของ ก.ล.ต. จะทำใน 3 ส่วนหลัก คือ กำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ในเคสนี้ได้สั่งให้เปิดเผยข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯมาโดยตลอด พร้อมทำการตรวจสอบคู่ขนาน ถัดมาคือการดูแลผู้ชำระหุ้นกู้ ดูแลผู้ลงทุน แนวทางการเยียวยาสิทธิ์ หากส่วนใดช่วยเหลือได้ก็ยินดีอย่างเต็มที่
และสุดท้ายคือการบังคับใช้กฎหมาย ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการไปพบกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
ส่วนจะดำเนินการกับใครบ้าง ขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากมีผลทางคดี กรณีผู้ตรวจสอบบัญชีก็ยังทำงานร่วมกันอยู่ ทุกการดำเนินการร่วมกันทำอย่างเต็มที่
"กรณีความผิดปกติ การกระทำที่มิชอบ แม้ผมยังไม่ได้บอกว่าใครผิด แต่มีโทษระบุชัดอยู่แล้วว่าจำคุกสูงสุด 10 ปี การดำเนินการทางกฎหมายก็ยังเป็นไปตามขั้นตอน แล้วคำถามว่าจะครอบคลุมใครบ้าง หากใครเกี่ยวข้องก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป” รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
STARK อ่วม! ผู้ถือหุ้นกู้ 3 ชุด เรียกชำระหนี้ทันที 6.9 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
ก.ล.ต.เตือนนักลงทุนระวัง STARK หลังผลสอบ Special Audit พบข้อมูลผิดปกติ
ก.ล.ต.สอบเอาผิด STARK ประสาน ดีเอสไอ-บก.ปอศ.-ปปง. ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้
ก.ล.ต. ไร้อำนาจเอาผิดผู้ตรวจสอบบัญชี STARK
สำหรับข้อเรียกร้องให้ดำเนินการกับบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี หรือการขึ้นบัญชีดำไปเลย เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า กฎหมายยังไม่มีการให้อำนาจแก่ทางคณะกรรมการ จึงต้องติดตามแก้ไขกฎหมายกันต่อไป เนื่องจากความผิดปัจจุบันมีโทษเพียงพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการหยุดเส้นทางอาชีพของเขาที่เป็นเรื่องร้ายแรงมากแล้ว กลับกันหากผิดร่วมกัน ไม่ใช่ความบกพร่อง ย่อมมีโทษอื่น ๆ ที่มากขึ้นตามมาอยู่แล้ว
“บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา แต่บริษัทส่วนน้อยเกิดปัญหา แล้วเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเราก็ได้คุยกันว่าทำอะไรได้บ้าง อันแรกเป็นเรื่อง กฎเกณฑ์ที่มีมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ละเคสต้องนำมาถอดบทเรียน ก.ล.ต.เราเป็นหน่วยการกำกับ จึงต้องดูความเหมาะสม ไม่ให้เป็นภาระคนส่วนใหญ่มากเกินไป เกณฑ์ IPO ก็เข้มงวดอยู่แล้ว ซึ่งมันไม่จบที่แค่ IPO ต้องมีระบบติดตามดูแล แล้วมอนิเตอร์ให้รู้ได้เร็วกว่านี้ ว่าจะช่วยอะไรได้บ้างให้เตือนได้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างความรู้ ที่ทุกหน่วยงานทำกันมาตลอด เพื่อให้บริษัทที่ดีเขาระดมทุนได้ และการเยียวยาผู้ลงทุนที่ต้องทำงานร่วมกันมากขึ้น” นายธวัชชัย กล่าว
ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับดูแล บจ.ได้ไม่หมด ปัดตั้งเป้ายอดบริษัทเข้าตลาดทุนทุกปี
ขณะที่ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า STARK ข้อมูลตั้งแต่ปี 2562-64 ไม่มีความผิดปกติใด ๆ แต่ปี 2565 มีการแจ้งว่าจะร่วมทุนกับต่างชาติ แล้วก็ยกเลิกไม่ลงทุน จากนั้นก็ส่งงบล่าช้า แล้วเลื่อนส่งงบปี 2565 อีกสองครั้ง จนถูกสั่งให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นพิเศษ กระทั่งถูกขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขาย
จนมาพบความผิดปกติหลายรายการ อาทิ ตกแต่งบัญชีผิดปกติ แจ้งข้อมูลรับรู้รายได้เกินจริง ตัดจำหน่ายภาษีที่ไม่เกิดขึ้นจริงรวม 670 ล้านบาท สิ่งที่จะดำเนินการต่อไปคือ ดำเนินคดีแบบกลุ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย หาแนวทางดำเนินการความผิดเพิ่มเติม เพื่อดูแลบริษัทจดทะเบียนต่อไปในอนาคต
สำหรับกรณีหุ้น MORE มีผู้เสียหาย 10 กว่าราย ที่มีการฟ้องร้อง และมีการระงับบัญชีทรัพย์สินกันได้เร็ว ซึ่งมีความต่างกับSTARKเนื่องจาก STARK ต้องรวบรวมข้อมูลจำนวนมากเป็นหลักฐานและมีผู้เสียหายค่อนข้างเยอะ
นอกจากนี้ประเด็นการตั้งเกณฑ์ชี้วัดว่า จะต้องมีบริษัทใหม่ ๆ เข้ามาตลาดทุนในแต่ละปีมากน้อยแค่ไหนนั้น นายภากร ยืนยันว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เคยมีเกณฑ์เหล่านี้ เพียงแค่อิงตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตขึ้น แล้วดูว่ามีบริษัทควรเข้ามาใช้ตลาดทุนมากน้อยเพียงใด
“ตลาดทุนไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งจะดูแลได้หมด เราประกอบด้วยหลายองค์กรมาก ๆ ตั้งแต่จดทะเบียน ซื้อขาย บริหารจัดการ มีนักวิเคราะห์ มีผู้ตรวจสอบบัญชี มีสารพัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกันจึงต้องเป็นหนึ่งเดียว ให้กฎระเบียบทุกอย่างบาลานซ์ให้เกิดความสมดุล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตัวเลข 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในตลาดล้วนเป็นบริษัทที่ดี คุณภาพวันนี้เราดีมาก แต่แน่นอนว่าดีไม่หมด จึงต้องช่วยกันดูแลให้มากขึ้นในอนาคต อย่าคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง โลกปรับไปไว เราก็ต้องปรับตัวให้เร็วมากขึ้น” นายภากร กล่าว
สภาวิชาชีพบัญชีฯ ปัดหุ้น STARK ไม่เกี่ยวมาตรฐานนักบัญชี
นายสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ เลขาธิการ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า บทบาทของสภาวิชาชีพบัญชีเรื่องแรก คือ การจัดทำมาตรฐานการสอบบัญชี ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก กว่าจะเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับอนุญาต มีเกณฑ์บังคับว่า ต้องจบปริญญาตรีในสถาบันที่ได้รับรอง ต้องฝึกงานก่อน ทั้งยังต้องสอบอีก 6 วิชา รวมระยะเวลากว่า 5 ปี ประกอบกับการอัพเดทความรู้ทุกปี ปีละ 40 ชั่วโมง
โดยการเข้ามาทำงานในตลาดทุน ต้องผ่านมาตรฐานของ ก.ล.ต. ด้วยเช่นกัน พร้อมกับการตรวจเช็กคู่ขนานกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าทำงานจริงหรือไม่ จึงอยากเรียนว่า ทางสภาไม่ได้นิ่งนอนใจ หากผิดจริงก็จะลงโทษโดยการพักใช้ใบอนุญาต และมาตรฐานของสภาฯ ในการตรวจสอบก็เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกอยู่แล้ว
ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นปีไม่มีบทวิเคราะห์หุ้น STARK และไม่มีการแนะนำหุ้นดังกล่าวให้แก่ลูกค้า เนื่องจากมีหุ้นที่น่าสนใจกว่า ซึ่งการแก้ไขงบการเงินครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะนักวิเคราะห์ นักลงทุน ต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ หากได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจะลำบากมากในการทำงาน ดังนั้นในอนาคตจึงอยากให้มีกระบวนการจัดการป้องกันเพิ่มมากขึ้น
ล้อมคอก STARK หากคุมเข้มเกินไป อาจกระทบบริษัทอื่น
ส่วนมาตรการคัดกรองในอนาคต นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ ประธานกรรมการ ชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ระบุว่า บริษัทที่จะจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อให้คัดกรองเข้มข้นที่สุดอย่างไร แต่เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนได้ จึงต้องดูที่มาตรการติดตามตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย แต่ก็ต้องคำนึงในหลายมิติ เพราะการเพิ่มกฎเกณฑ์ใด ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทดี ๆ ที่เหลือด้วย ส่วนที่เจอวันนี้เป็นส่วนน้อยมากเท่านั้น
นางสาวชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน อธิบายต่อว่า วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี ตัวแทนนักลงทุนดำเนินการอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การคัดหุ้นเข้ามาลงทุน ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานกลางมีความน่าเชื่อถือ วันนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่แล้ว ทุกหน่วยงานไม่ได้นิ่งนอนใจ
